ศูนย์มรดกแห่งนี้ได้จำลองเหตุการณ์จากสมรภูมิปาเซอร์ปันจัง (Battle of Pasir Panjang) เพื่อให้ผู้คนได้หวนรำลึกถึงเหตุการณ์ในครั้งนั้น เนื่องจากเป็นหนึ่งในยุทธการที่ดุเดือดเข้มข้นที่สุดครั้งหนึ่งในการต่อสู้กับกองทัพญี่ปุ่นในสิงคโปร์ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2
พบกับหนึ่งในเรื่องราววีรกรรมอันน่าทึ่งของสิงคโปร์ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่พิพิธภัณฑ์รีเฟลคชั่นส์แอทบูกิตชานดู
คุณจะพบว่าศูนย์มรดกแห่งนี้ตั้งอยู่กลางป่าที่เขียวขจี โดยอยู่ในบังกะโลยุคอาณานิคมสีขาวดำที่ได้รับการปรับปรุงขึ้นใหม่
พิพิธภัณฑ์ แห่งนี้อยู่ห่างเพียงไม่กี่ก้าวจากบริเวณที่เป็นสมรภูมิปาเซอร์ปันจัง (Battle of Pasir Panjang) ซึ่งเป็นที่ที่เหล่าทหารกล้าจากกองพลาเลย์จำนวน 1,400 นาย ช่วยกันต่อสู้ป้องกันที่มั่นแห่งสุดท้ายอย่างห้าวหาญกับกองทัพญี่ปุ่นอัน เกรียงไกรที่มีกำลังพลถึง 13,000 นาย
สู้จนชีพวาย
สถานที่แห่งนี้ ซึ่งเรียกขานกันในอีกชื่อว่าบูกิตชานดู (ภาษามาเลย์ที่แปลว่าเนินเขาฝิ่น) เป็นสมรภูมิที่มีการรบกันอย่างดุเดือดเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1942 ในระหว่างยุทธการแห่งเกาะสิงคโปร์
เหล่าทหารหาญจากกองร้อย "C" แห่งกองพลมาเลย์ที่ 1 นำโดยร้อยโทอัดนัน ซาอิดี (Lieutenant Adnan Saidi) ได้ต่อสู้ยึดที่มั่นของตนเอาไว้อย่างเหนียวแน่น ถึงแม้ว่าจะมีกำลังพลน้อยกว่าข้าศึกหลายเท่าตัว และต่อสู้อย่างห้าวหาญจนสิ้นชีวิตลง
พยานที่รอดชีวิตเพียงรายเดียวจากกองพลมาเลย์นี้ก็คือ
สิบโทยาโก (Corporal Yaako) ซึ่งทำเป็นแกล้งตายเพื่อไม่ให้ทหารญี่ปุ่นฆ่าเขา
หลัง จากที่เสียชีวิตลง ต่อมาร้อยโทอัดนันได้รับการเชิดชูเกียรติโดยรัฐบาลอังกฤษในความกล้าหาญของ เขา และกองร้อยอันกล้าหาญของเขาก็ได้รับการจดจำในฐานะวีรบุรุษที่ต่อสู้ป้องกัน สิงคโปร์ในครั้งนั้นมาจวบจนทุกวันนี้
หวนรำลึกถึงวีรกรรมของพวกเขา
ใช้เวลาเดินสำรวจพิพิธภัณฑ์แห่งนี้และบริเวณรอบ ๆ ที่เขียวขจีด้วยแมกไม้นานาพันธุ์
อาวุธยุทโธปกรณ์และสิ่งของที่หลงเหลือจากเหตุการณ์ครั้งนั้น และการนำเสนอแบบอินเตอร์แอคทีฟได้ร้อยเรียงเรื่องราวความกล้าหาญอันน่า ติดตามยิ่งของกองพลมาเลย์ที่ 1 และประสบการณ์สงครามของสิงคโปร์