หวนนึกถึงยุคทองของความงดงามประณีตและการใช้ชีวิตอย่างเลิศหรูที่ Raffles Hotel Singapore (โรงแรมราฟเฟิลส์) ซึ่งชวนให้ระลึกถึงอดีตที่รุ่งเรือง
ถ่ายภาพโดย Raffles Hotel, Singapore
Raffles Hotel Singapore เป็นโรงแรมที่มีชื่อเสียงที่สุดในสิงคโปร์ และสะท้อนประวัติศาสตร์ยุคอาณานิคมได้ดีที่สุด
โรงแรมแห่งนี้ตั้งชื่อตามผู้ก่อตั้งสิงคโปร์ ท่านเซอร์ สแตมฟอร์ด ราฟเฟิลส์ (Sir Stamford Raffles) ซึ่งสร้างโดยพี่น้องตระกูลซาร์กีส์ที่รับดูแลผิดชอบโรงแรมหรูหราอื่น ๆ ในภูมิภาคนี้ในยุคอาณานิคม
แม้ว่า Raffles Hotel Singapore จะเปิดทำการในปี ค.ศ. 1887 แต่ยังคงมีการเปลี่ยนแปลงผังโรงแรมมาโดยตลอด โดยได้เพิ่มปีกด้านข้างโรงแรม ห้องสวีท และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ในปีที่ผ่านๆ มา
อัญมณีประดับมงกุฎ
ถ่ายภาพโดย Raffles Hotel, Singapore
อย่างไรก็ตาม อาคารหลักหลังใหม่ของโรงแรมได้รับการออกแบบโดย R. A. J. Bidwell of Swan & MacLaren และดำเนินการแล้วเสร็จในปี ค.ศ. 1899 ซึ่งกลายมาเป็นอัญมณีประดับมงกุฎ
ตัวอย่างของสถาปัตยกรรมยุคนีโอเรอเนซองส์ที่มีการตกแต่งให้สอดคล้องกับสภาพอากาศเขตร้อน เช่น การยกเพดานสูง และเพิ่มพื้นที่ระเบียงให้กว้าง มีห้องรับประทานอาหารที่ปูพื้นหินอ่อน หลอดไฟ และพัดลมติดเพดาน องค์ประกอบเหล่านี้มีที่โรงแรมแห่งนี้เป็นที่แรกในภูมิภาคนี้
ที่นี่จึงกลายเป็นสถานที่ที่ดีที่สุด ชาลี แชปลิน สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 และรัดยาร์ด คิปลิง บุคคลที่มีชื่อเสียงเหล่านี้เคยมาพักผ่อนที่โรงแรมแห่งนี้หนึ่งหรือสองคืน
การปรับปรุงโรงแรมในปี ค.ศ. 1989 ทำให้โรงแรมนี้กลับมารุ่งเรืองสูงสุดอีกครั้ง มีการนำมุขแบบเหล็กหล่อและบันไดไม้แบบดั้งเดิมกลับมาใช้ และมีการซ่อมงานปูนตกแต่งอย่างระมัดระวัง ห้องทุกห้องถูกแปลงโฉมเป็นห้องสวีทที่ปูพื้นด้วยไม้สักและพรมแบบแฮนด์เมด
เติมความมีชีวิตชีวา
ปัจจุบัน Raffles Hotel Singapore เป็นสัญลักษณ์ของมรดกล้ำค่าและความสง่างามที่มีเรื่องราว ประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจ และรายชื่อแขกผู้เข้าพักที่สร้างสีสันให้โรงแรม องค์ประกอบเหล่านี้ยังคงเป็นสิ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้มาเยือนที่นี่
ภายหลังการปรับปรุงโรงแรมในปี 2019 ทำให้โรงแรมพรั่งพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกใหม่ทั้งหมดและมอบลุคใหม่ที่สวยงามสดใส
โรงแรมเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงแห่งนี้ได้รับการปรับปรุงใหม่โดยนักออกแบบตกแต่งภายในที่มีชื่อเสียงและได้รับรางวัลคือ Alexandra Champalimaud จึงช่วยฟื้นคืนความมีชีวิตชีวาให้โรงแรม
ปัจจุบันแขกสามารถเช็คอินได้สะดวกจากห้องพักโรงแรม และโรงแรมยังได้เพิ่มห้องสวีทจาก 103 ห้องเป็น 115 ห้อง
ห้องอาหารและบาร์ที่เป็นสัญลักษณ์ เช่น Tiffin Room และ Long Bar (ต้นกำเนิดเครื่องดื่มค็อกเทลสิงคโปร์ สลิง ที่มีชื่อเสียง) ได้กลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง พร้อมด้วยห้องอาหารใหม่ๆ ที่อยู่ภายใต้การดูแลของเชฟที่มีชื่อเสียงระดับโลก
ซึ่งได้แก่ ภัตตาคารอาหารจีน Yi โดยมาสเตอร์เชฟ Jereme Leung, ห้องอาหาร Osteria BBR ภายใต้ธีมเมดิเตอร์เรเนียน โดยฝีมือของเชฟที่เป็นตำนาน อลัง ดูคาส (Alain Ducasse) และห้องอาหารฝรั่งเศส Le Dame Pic โดยเชฟมิชลิน แอนน์ โซฟี พิค (Anne Sophie Pic)
แขกที่มาเยือนยังสามารถเลือกซื้อของที่ระลึกได้ที่ Raffles Boutique ในส่วนของ Raffles Hotel Singapore Arcade ที่ตกแต่งใหม่ ร้านนี้เดิมชื่อว่า Raffles Gift Shop จำหน่ายของที่ระลึกและของฝากสวยๆ มากมาย รวมถึงของที่ระลึกที่เกี่ยวกับค็อกเทลสิงคโปร์สลิงที่มีชื่อเสียงด้วย