หากคุณกำลังวางแผนไปสำรวจเกาะสิงคโปร์โดยทางรถไฟ ซึ่งเป็นวิธีเดินทางที่สะดวกที่สุด คุณควรใช้บริการรถไฟฟ้า Circle MRT ซึ่งจะพาคุณไปย่านคึกคักจอแจที่เต็มไปด้วยบาร์และร้านกาแฟ สะพานที่ทอดยาวผ่านพื้นที่อันเขียวขจี รวมไปถึงศูนย์แสดงงานศิลปะที่เป็นมรดกอันรุ่มรวย เราได้รวบรวมสถานที่ที่สำคัญ 6 แห่งไว้ดังนี้
สถานี Labrador Park MRT: สัมผัสธรรมชาติ
สะพานและพื้นที่อันร่มรื่นเขียวชอุ่มที่ทอดยาว 10 กิโลเมตรนี้ เชื่อมโยงสวนต่างๆ หลายแห่งไว้ด้วยกัน และสร้างขึ้นเป็นสะพานลอยฟ้า Southern Ridges (เซาท์เทิร์น ริดจ์) ทุกจุดบนสะพานสายนี้เหมาะสำหรับการเดินชมทิวทัศน์ของเมือง ท่าเรือ และเกาะต่างๆ ทางตอนใต้ พื้นที่แห่งนี้เต็มไปด้วยสัตว์ป่า แต่ก็มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ด้วยเช่นกัน เนื่องจาก Canopy Walk (เส้นทางเดินชมธรรมชาติเหนือยอดไม้) ที่ยาว 300 เมตรนี้เคยเป็นหนึ่งในสมรภูมิสุดท้ายสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง หลังจากที่สิงคโปร์พ่ายแพ้ต่อญี่ปุ่น สถานที่อีกแห่งหนึ่งที่เป็นไฮไลต์ก็คือ Henderson Waves (สะพานเฮนเดอร์สันเวฟ) สูง 36 เมตรที่เชื่อมระหว่าง Mount Faber Park (สวนเมาท์เฟเบอร์พาร์ค) กับ Telok Blangah Hill Park (ทีล็อค บลังกา ฮิลล์) ไว้ด้วยกัน หากคุณต้องการไปเที่ยวชมสถานที่อื่นๆ Gillman Barracks (กิลแมน บาร์แร็กส์) เป็นอีกที่ที่คุณไม่ควรพลาด เพราะเป็นแหล่งรวมสถานที่จัดแสดงงานศิลปะโดยมีหอศิลป์ต่างๆ และร้านอาหารมากมาย นอกจากนี้ ยังมีร้าน Red Baron สำหรับผู้ที่ชื่นชอบคราฟต์เบียร์ ส่วนร้าน Creamier มีบริการไอศกรีมและวอฟเฟิลสำหรับผู้ที่ชอบของหวาน
Esplanade MRT: อาคารแสดงงานศิลปะมีชื่อเสียงของสิงคโปร์
อาคาร Esplanade (เอสพลานาด) หรือที่คนสิงคโปร์เรียกขานกันว่าตึก "ทุเรียน" เนื่องจากมีรูปทรงคล้ายกับผลไม้ชนิดนี้ นับเป็นสถานที่จัดแสดงงานศิลปะที่ยิ่งใหญ่ของสิงคโปร์ คอนเสิร์ตฮอลล์และโรงละครภายในอาคาร Esplanade มีจัดงานแสดงดนตรี การแสดงละคร การเต้นรำ ทัศนศิลป์ และการแสดงอื่นๆ และมีเวทีกลางแจ้งที่มองเห็นทัศนียภาพของ Marina Bay (อ่าวมารีน่า) ตลอดจนเส้นขอบฟ้าของเมือง โดยในช่วงเย็นมักมีงานแสดงดนตรีโดยวงดนตรีของสิงคโปร์ ซึ่งเปิดให้เข้าชมฟรี เคล็ดลับก็คือ ให้ไปกับทัวร์ที่มีไกด์นำทางของ Esplanade ซึ่งจะพาไปดูเบื้องหลัง และขึ้นไปบนดาดฟ้าของอาคารในเวลาเย็นเพื่อถ่ายรูปวิวทิวทัศน์ที่งดงามของเมือง ซึ่งเหมาะจะนำไปทำเป็นภาพโปสการ์ด
สถานี Holland Village MRT: ร้านอาหารและเครื่องดื่มกลางแจ้ง
ในย่านที่คึกคักแห่งนี้มีแผงขายอาหารข้างทาง และร้านอาหารสุดฮิป รวมถึงบาร์เครื่องดื่ม แต่คุณควรแวะไปเยี่ยมชมในยามเย็น เพราะในยามค่ำเมื่อมีการปิดการจราจรบนถนนสายหลักแล้ว ย่านนี้ก็จะกลายเป็นถนนคนเดิน มีการนำโต๊ะมาวาง และพื้นที่ทั้งหมดจะกลับมามีชีวิตชีวา ถ้าท้องของคุณเริ่มร้อง ลองแวะไปที่ร้าน Cha Cha Cha และ El Patio เพื่อชิมนาโชส์, เคซาดิย่า และอาหารเม็กซิกันอื่นๆ ที่มีให้เลือกมากมาย หรือไปที่ร้าน Da Paolo Gastronomia เพื่อชิมอาหารอิตาเลียนอย่างพิซซ่าและพาสต้า Holland Village จะปิดค่อนข้างดึก ดังนั้นคุณจึงสามารถแวะไปลิ้มลองของหวานแสนอร่อยที่ร้าน 2am:dessertbar ได้แบบโต้รุ่ง
สถานี Marymount MRT: ร้านกาแฟสุดฮิปและโรตีปราตากรอบ
ในย่านนี้เต็มไปด้วยร้านกาแฟขึ้นชื่อหลายแห่งที่มักปรากฏภาพใน Instagram ดังนั้น เตรียมท้องของคุณให้ว่างและชาร์จแบตกล้องถ่ายรูปให้พร้อม ก่อนจะแวะไปที่นั่น แวะร้าน One Man Coffee, Habitat และ Knockhouse Café เพื่อจิบกาแฟ แล้วเติมพลังที่ร้าน The Roti Prata House ส่วนร้าน kopitiam (โกปิเตี๊ยมหรือร้านกาแฟโบราณแบบท้องถิ่น) มีอาหารขึ้นชื่อในหมู่คนท้องถิ่น นั่นคือโรตีปราตา (โรตีแผ่นแบนแบบอินเดียใต้) ที่กรอบนอกและนุ่มใน ใช้มือฉีกแป้งโรตีออกเป็นชิ้นแล้วจุ่มลงในแกงเผ็ดที่เสิร์ฟมาคู่กัน เหมาะสำหรับเป็นอาหารว่างในช่วงที่คุณเดินสำรวจร้านกาแฟ
สถานี Serangoon MRT: ไปชิมอาหารจานเด่นของศูนย์อาหาร
ลองขึ้นรถเมล์ไปที่ Chomp Chomp Food Centre การใช้เวลา 10 นาทีนั่งรถเมล์นี้สุดคุ้ม เพราะคุณจะต้องใช้เวลามองหาโต๊ะว่างในศูนย์อาหารแห่งนี้ที่มีคนมากมายอย่างต่อเนื่อง คุ้มค่ากับการรอคอยหรือไม่ อาหารจานเด่นคือ ปลากระเบนซัมบัล (น้ำพริก) บาร์บีคิว และปีกไก่ย่างสดใหม่จากเตา ทั้งหมดนี้เสิร์ฟพร้อมน้ำอ้อยหอมหวาน และอย่าลืมเผื่อท้องไว้สำหรับร้านกาแฟที่ให้บริการของหวานและบาร์อื่นๆ อีกหลายแห่งที่ตั้งเรียงรายอยู่ในย่านที่พักอาศัยนี้
สถานี Bras Basah MRT: ย่านมรดกเก่าแก่
สำรวจสถาปัตยกรรมแบบโคโลเนียลและในช่วงก่อนสงครามของย่าน Bras Basah.Bugis (บราส บาซาห์ บูกิส) เพื่อเรียนรู้ประวัติศาสตร์ของสิงคโปร์ และยังมี Armenian Apostolic Church of St Gregory the Illuminator (โบสถ์ของผู้เผยแพร่ศาสนาชาวอาร์เมเนียนของนักบุญเกรกอรี่) National Design Centre (ศูนย์การออกแบบแห่งชาติ), แหล่งรวมพิพิธภัณฑ์หลายแห่ง เช่น Peranakan Museum (พิพิธภัณฑ์เปอรานากัน) ซึ่งคุ้มค่าแก่การเยี่ยมชม และ Haji Lane (ฮาจิเลน) แหล่งรวมร้านบูติกที่ไม่เหมือนใคร ตลอดจนบาร์และร้านกาแฟสำหรับนั่งพักสบายๆ แปลกแต่จริง: "บราส บาซาห์" เป็นภาษามาเลย์ที่มีความหมายว่า "ข้าวเปียกชื้น" ซึ่งมีที่มาจากกลิ่นของข้าวที่เสื่อมสภาพเพราะถูกทิ้งไว้บนเรือที่จอดอยู่ตามท่าเรือ