กระตุ้นทั้งประสาทสัมผัสและความคิดสร้างสรรค์ที่ Red Dot Design Museum (พิพิธภัณฑ์เรด ดอท ดีไซน์) แหล่งรวมผลิตภัณฑ์ โครงการ และผลงานสร้างสรรค์ของท้องถิ่นกว่า 1,000 รายการ
แม้ว่าชื่อของพิพิธภัณฑ์นี้อาจทำให้คุณหลงคิดไปว่าเป็นชื่อที่ทางสิงคโปร์ตั้งขึ้นเอง (สิงคโปร์มีชื่อเล่นเรียกกันว่า “Little Red Dot”) แต่อันที่จริงแล้ว Red Dot Museum มาจากชื่อรางวัล Red Dot Design Award ซึ่งริเริ่มขึ้นครั้งแรกในเยอรมนี
นับแต่ปี ค.ศ. 1955 พิพิธภัณฑ์ Red Dot Design Museum แห่งแรกได้ก่อตั้งขึ้นเพื่อเป็นสถานที่จัดแสดงผลิตภัณฑ์และการออกแบบทางอุตสาหกรรมในระดับสากล โดยแสดงผลงานที่ได้รับรางวัลเพื่อให้ผู้คนได้มายลโฉมในเมือง Essen สถานที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ Red Dot Design Museum แห่งที่สองก่อตั้งขึ้นในสิงคโปร์เมื่อปี ค.ศ. 2005 และเป็นแห่งแรกและแห่งเดียวในเอเชีย
แหล่งรวมงานออกแบบที่มีสัญลักษณ์
Red Dot Museum ตั้งอยู่ในย่าน Marina Bay ที่สวยงาม ด้านหน้าเป็น กระจกทั้งหมดและออกแบบในรูปทรงเรขาคณิตที่สะดุดตา ทำให้ที่นี่เป็นหนึ่งในผลงานสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นในย่านนี้
Red Dot Design Museum ของสิงคโปร์ รวมทั้งพิพิธภัณฑ์ในเครือในเมืองเอสเซน นับเป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงงานออกแบบร่วมสมัยที่ใหญ่ที่สุดของโลก โดยแสดงผลงานทั้งสิ้น 2,000 ชิ้นที่ได้รับรางวัล Red Dot Design Award อันทรงคุณค่า
ผลงานที่ได้รับรางวัลจะพิจารณาจากหลักเกณฑ์ต่างๆ เช่น สุนทรียศาสตร์ นวัตกรรม ฟังก์ชันการใช้งาน และแนวความคิดที่สามารถสร้างความสุขให้แก่ผู้คน
คอลเลคชั่นผลงานที่น่าพิศวงเหล่านี้ซึ่งจัดแสดงอยู่ที่ Red Dot Design Museum ของสิงคโปร์ ได้รวบรวมแนวความคิดที่น่าสนใจจากทั่วโลก ตั้งแต่เบลเยียมถึงญี่ปุ่น ผู้ได้รับรางวัล Red Dot ชาวสิงคโปร์ ได้แก่ Jonathan Saphiro Salim (ที่สร้างสรรค์ผลงานชามสุดเก๋ Waist Bowl ที่ใส่ของร้อนๆ ได้ดี สะดวกต่อการถือชามแล้วไม่ร้อนมือและไม่ทำหก) และ Nur Faranismah binte Rusmi (ที่ออกแบบเกมกระดานเพื่อกระตุ้นความตระหนักเรื่องการค้าอวัยวะในตลาดมืด)
หากต้องการดูภาพรวมของมุมมองด้านการออกแบบของภัณฑรักษ์ของสถานที่นี้ ลองไปที่ “A Preview of the Future”—Red Dot Award: Design Concept งานนิทรรศการนี้จัดแสดงงานออกแบบที่ได้รับรางวัลมากกว่า 345 ชิ้นเพื่อให้ผู้เข้าชมได้จินตนาการถึงอนาคต ด้วยสิ่งของต่างๆ ที่นำมาจัดแสดง อาทิ กระเป๋าสตางค์สำหรับจัดระเบียบกระดาษบันทึกและเหรียญต่างๆ และรถวีลแชร์ที่เล่นเพลงได้
หากคุณต้องการจะรู้ว่างานออกแบบสวยๆ เหล่านี้สามารถนำมาใช้ในชีวิตจริงได้อย่างไร ลองนั่งจิบกาแฟที่ Café Bar ภายในพิพิธภัณฑ์ ซึ่งตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ที่ได้รับรางวัล Red Dot และผลงานออกแบบสวยเก๋ต่างๆ คาเฟ่แห่งนี้ซึ่งดำเนินงานโดยทางพิพิธภัณฑ์เอง เสิร์ฟกาแฟที่ผลิตในท้องถิ่น คราฟต์เบียร์ และอาหารน่าลิ้มลอง เช่น เมนูที่ใช้เนื้อรมควันของยุโรป
นอกจากเบียร์เย็นๆ และเมนูอาหารเนื้อรมควันที่มีให้เลือกหลากหลายแล้ว Café Bar ของ Red Dot Museum ยังเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการนั่งดื่มผ่อนคลายหลังจากที่คุณเต็มอิ่มกับงานแสดงในพิพิธภัณฑ์