เคล็ดลับการช้อปปิ้งที่แสนคุ้มค่าในแต่ละย่านพื้นที่

ย่าน Joo Chiat/Katong (จู เชียต/กาตง) เป็นย่านหนึ่งที่หลายคนโปรดปราน ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันออกของสิงคโปร์ แล้วคุณจะรู้ว่าเพราะอะไร ด้วยเสน่ห์ที่ผสมผสานระหว่างความเก่าและความใหม่ดึงดูดให้คุณเดินเข้าสู่ตึกแถวเก่าแก่เหล่านี้ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับสตูดิโอโยคะ ขณะที่ร้านกาแฟเก่าแก่ตั้งอยู่เคียงข้างร้านคาเฟ่สุดฮิปที่ใช้วิธีชงกาแฟแบบสกัดเย็น

ทุกหัวมุมถนน คุณจะพบกับความมีเอกลักษณ์ของมรดกล้ำค่าของท้องถิ่น ลองแวะไปที่ร้าน Rumah Bebe ซึ่งเป็นร้านเปอรานากันที่ขายผ้าสวยๆ และกระเป๋าสตางค์ปักลายอย่างประณีต จากนั้นแวะไปที่ร้าน Cat Socrates ร้านที่น่ารักนี้ก่อตั้งขึ้นโดย Hellen Jiang ที่เชี่ยวชาญในด้านวรรณกรรมสิงคโปร์ รวมทั้งการทำเครื่องประดับสวยๆ กระจุกกระจิกที่ได้แรงบันดาลใจจากท้องถิ่น ขอให้คุณลองนึกถึงหมอนอิงที่ทำเลียนแบบขนมกูเอห์ ตูตู (คล้ายขนมใส่ไส้ของไทย), สวนขวด, สินค้าที่เกี่ยวกับแมวเหมียว และโปสการ์ดภาษาซิงลิช (ภาษาอังกฤษแบบสิงคโปร์)

*คำในภาษาอินโดนีเซีย/มาเลย์ที่แปลว่า "เกิดในท้องถิ่น" โดยทั่วไปแล้ว หมายถึงชาวจีนเชื้อสายมลายู/อินโดนีเซีย

แม้ว่าจะมีร้านสาขาของแบรนด์ชื่อดังต่างประเทศและแบรนด์ระดับบนอย่าง Chanel, Abercrombie & Fitch และ Zara มาเปิดให้บริการบนถนนที่เป็นสัญลักษณ์นี้ แต่ที่นี่ก็มีแบรนด์ท้องถิ่นหลายแบรนด์เปิดให้บริการด้วยเช่นกัน ถนนสายนี้จึงได้ชื่อว่าเป็นถนนสายช้อปปิ้งระดับหรู

ยกตัวอย่างเช่น Design Orchard เป็นแหล่งรวมสินค้าแบรนด์สิงคโปร์ที่ได้แก่ ของตกแต่งบ้านสวยๆ สร้างสรรค์ขึ้นโดยดีไซเนอร์และช่างฝีมือชาวสิงคโปร์ นอกจากนี้ ยังมีร้าน Beyond The Vines ณ Mandarin Gallery (แมนดาริน แกลเลอรี่) ที่จำหน่ายเสื้อผ้าสตรีร่วมสมัย โดยเฉพาะชุดเดรสที่ทันสมัยและไม่เคยตกยุค

หากคุณต้องการของที่มีเพียงชิ้นเดียว ลองแวะชมสมุดโน้ตทำมือหรือกระเป๋าสตางค์แฮดน์เมดที่ทำจากหนังโดยช่างฝีมือที่เชี่ยวชาญได้ที่ร้าน Bynd Artisan ใน ION Orchard (ไอออน ออร์ชาร์ด) 

ภาพและเสียงที่เต็มไปด้วยความสดใสในย่าน Little India (ลิตเติ้ลอินเดีย) คือของขวัญในตัวเอง เมื่อมาเดินเที่ยวที่นี่ คุณจะได้กลิ่นหอมเครื่องเทศของแกงอินเดีย สีสันของพวงมาลัยที่ห้อยแขวนตามร้านรวงต่างๆ และเสียงสวดมนต์ที่ลอยมาให้ได้ยินอยู่เป็น ระยะๆ

แต่หากคุณต้องการหาซื้อของที่ระลึกและของฝากกลับบ้านล่ะ นอกจากผ้าสวยๆ และขนมขบเคี้ยวที่หยุดทานไม่ได้แล้ว (นึกถึงขนมมูรูกกู หรือขนมข้าวแท่งอบกรอบ) ที่ห้าง Mustafa Centre ยังมีของต่างๆ ให้เลือกซื้อกันอย่างจุดใจโดยห้างนี้เปิดทำการตลอดทั้งคืนและสามารถต่อราคาได้ด้วย ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่นี้เปิดทำการตลอด 24 ชั่วโมงและมีสินค้ากว่า 300,000 รายการจำหน่ายตั้งแต่เครื่องสำอาง เครื่องประดับอัญมณี สินค้าอุปโภคบริโภค ไปจนถึงอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ 

อย่าลืมใช้เวลาเดินเที่ยวตลาดที่คึกคักจอแจในย่าน Chinatown (ไชน่าทาวน์) และคุณจะได้ของดีๆ ที่คาดไม่ถึง ในกองพวงกุญแจ Merlion ที่วางขาย คุณจะเห็นผลงานศิลปะการคัดตัวอักษรจีนที่ระบายสีสวยงาม หรือในกองแม็กเน็ตติดตู้เย็นที่เป็นรูปวิวเส้นขอบฟ้าของเมือง คุณจะเห็นขวดน้ำหอมและเครื่องสำอางคุณภาพดีที่วางขายในราคาที่ถูกอย่างไม่น่าเชื่อ

หรือหากคุณสนใจเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายแบบดั้งเดิมที่มีคุณภาพดี ลองแวะไปที่ Golden Scissor Cheongsam รับรองว่าเสื้อผ้าของที่นี่ตัดเย็บอย่างพิถีพิถันและไม่ย้อมแมวขายแน่นอน ร้านนี้รับตัดเย็บชุดกี่เพ้า (ชุดกระโปรงสไตล์จีนดั้งเดิม) ที่ออกแบบตามรูปร่างของผู้สวมใส่ให้ดูเหมาะเจาะสวยงาม และออกแบบตามความต้องการของคุณโดยเลือกใช้ผ้า แพทเทิร์น และการเย็บกุ๊นแบบสมัยใหม่หรือแบบดั้งเดิมก็ได้ 

ย่านพื้นที่เก่าแก่ของชุมชนชาวมาเลย์ ละลานตาไปด้วยบูติกทันสมัยท่ามกลางสถานที่สำคัญทางวัฒนธรมที่ปรากฏอยู่ด้านหลัง อาทิ Sultan Mosque (มัสยิดสุลต่าน) และ Malay Heritage Centre (ศูนย์มรดกมาเลย์)

คุณจะเพลิดเพลินไปกับเสน่ห์ของบรรยากาศแบบฮิปสเตอร์ในย่าน Haji Lane ที่เต็มไปด้วยบูติกสวยๆ และมีร้านกาแฟและบาร์ต่างๆ ตั้งอยู่ทั่วไป เชิญชวนให้เข้าไปนั่งจิบเครื่องดื่ม

หากคุณสนใจเครื่องหอมแบบโบราณ ลองไปที่ร้าน Sifr Aromatics ที่มีน้ำหอม เทียนหอม และบาล์มสไตล์แฮนด์เมดขาย ร้านนี้นำเทคนิคการผลิตสมัยใหม่มาผลิตเครื่องหอมที่มีส่วนผสมของวัตถุดิบแบบดั้งเดิม หากคุณต้องการของที่พิเศษจริงๆ คุณก็สามารถสร้างสรรค์กลิ่นเครื่องหอมในแบบฉบับของคุณเองได้โดยปรึกษาพนักงานผู้เชี่ยวชาญในร้านนี้